แก้วสุริยะชื่น
|
เป็นอัญมณีสีแดงจัด กึ่งโปร่งแสงหรือแสงผ่านได้น้อย แต่ไม่ขุ่นมัวเหมือนแก้วสุริยประภา (RED MOONSTONE) พื้นผิวมีความมัน แก้วสุริยะชื่นจัดอยู่ในกลุ่มของควอตซ์ ประเภทคาร์นีเลียน (CARNELIAN QUARTZ) หรือที่หลายท่านเรียกว่า “หยกแดงไต้หวัน” มีองค์ประกอบที่สำคัญทางเคมีคือ SILICON DIOXIDE ( SiO2 ) มีระดับความแข็งที่ 6.5 - 7 ในระบบของโมส์ ในอดีตยุคก่อนประวัติศาสตร์ประมาณ 12,000 – 32,000 ปี ชนเผ่าดั้งเดิมทั้งหลายในเอเชียใต้ล้วนมีความเชื่อที่คล้าย ๆ กัน เกี่ยวกับพลังอำนาจลึกลับสองอย่างซึ่งตรงกันข้ามและเป็นอริต่อกัน ได้แก่พลังอำนาจมืดฝ่ายภูติผีปีศาจ ซึ่งเป็นอำนาจลึกลับฝ่ายชั่วร้าย คอยทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ และพลังอำนาจแห่งแสงสว่างฝ่ายเทพเจ้า เป็นอำนาจลึกลับฝ่ายดี คอยปกป้องคุ้มครองมนุษย์ให้ปลอดภัย โดยมีสุริยะเทพเป็นเทพเจ้าสูงสุด คนในยุคนั้นจึงได้ทำการสักการะบูชาพระอาทิตย์และยึดถือเอาสุริยะเทพเป็น เทพเจ้าประจำเผ่าของตน มีการนำเอาคาร์นีเลียนซึ่งมีสีแดงสดกึ่งโปร่งแสงผิวมันคล้ายกับสีของพระอาทิตย์ มาทำเป็นเครื่องลางประดับร่างกาย เพื่อแสดงเป็นสัญลักษณ์ว่า ตนเองนั้นเป็นสาวกของสุริยะเทพ หรือเป็นบุตรของสุริยะเทพนั่นเอง
หลักฐานจากแหล่งโบราณคดีทั้งหลายในประเทศไทย ที่ได้ขุดค้นพบลูกปัดและเครื่องประดับซึ่งทำจากคาร์นีเลียนและอื่น ๆ สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่า บรรพบุรุษของไทยได้ให้ความนิยมในแก้วสุริยะชื่นมาตั้งแต่ยุคหินใหม่แล้ว จึงขอยกตัวอย่างแหล่งโบราณคดีเฉพาะในประเทศไทย ที่ได้ขุดค้นพบลูกปัดคาร์นีเลียน ไว้พอสังเขปดังนี้
~ แหล่งโบราณคดีบ้านดอนตาเพชร จังหวัดกาญจนบุรี
~ เมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
~ เมืองนครปฐมโบราณ จังหวัดนครปฐม
~ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์
~ แหล่งโบราณคดีท่าแค จังหวัดลพบุรี
~ แหล่งโบราณคดีเขาสามแก้ว จังหวัดชุมพร
~ แหล่งโบราณคดีแหลมโพธิ์ จังหวัดชุมพร
ฯลฯ
แก้วดิบสุริยะชื่น (หยกแดงไต้หวัน)
|
อาจกล่าวได้ว่าแก้วสุริยะชื่น เป็นแก้วอัญมณีชนิดแรกเพียงชนิดเดียวในบรรดาแก้วอัญมณีวิเศษทั้ง 24 ชนิดเมืองล้านนา ที่มีประวัติศาสตร์ด้านความเชื่อและค่านิยมเก่าแก่และยาวนานที่สุด เชื่อกันว่าแก้วสุริยะชื่นนั้น เป็นแก้วที่ได้รับพลังจากสุริยะเทพโดยตรง สามารถช่วยคุ้มครองป้องกันภัยให้เจ้าของแก้วได้ อีกทั้งดลบันดาลให้เจ้าของแก้วมีจิตใจที่เข้มแข็งกล้าหาญ และยังเป็นสื่อชักนำแต่สิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิต
|